Home / ข่าวและกิจกรรม / ข่าวสาร / ตลาดจักรยานรุ่งยอดขายโต20%

ตลาดจักรยานรุ่งยอดขายโต20%

ผู้ค้าจักรยานเผยสัญญาณบวก ผู้บริโภคยอมรับ รู้จักมากขึ้น หวังส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศ ดันรายได้ปีนี้โต 20%

ผู้ค้าจักรยาน เผยสัญญาณบวก ผู้บริโภคยอมรับ รู้จักมากขึ้น คาดส่งผลดีในอนาคต หลังปี 2556มูลค่าตลาดรวม 5,000ล้านบาท ยอดขายโตต่อเนื่อง แต่ยังรอเวลาฟันธงตลาดรุ่งหรือไม่ ด้าน ททท. หวังส่งเสริมท่องเที่ยวในประเทศ ดันรายได้ปีนี้โต 20%

ปัญหาสภาพการจราจรที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ผนวกกับกระแสการเอาใจใส่ดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น สินค้าตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ คือ รถจักรยาน ได้รับผลดีตามไปด้วย

ขณะที่ผู้ค้ารายใหญ่ที่อยู่ในวงการมายาวนาน ก็ยังไม่ระบุชัดว่าอนาคตตลาดจะเป็นอย่างไร แต่ก็เชื่อว่ามีการส่งสัญญาณที่ดีออกมาจากผู้บริโภคขณะนี้

นางสาวจันทนา ติยะวัชรพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลเอ ไบซิเคิ้ล (ประเทศไทย) จํากัด ผู้นำตลาดรถจักรยานกล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ตลาดรถจักรยานในปัจจุบัน ยังระบุไม่ได้ว่ามีขนาดที่น่าพอใจหรือไม่ แต่กล่าวได้ว่าเห็นพัฒนาการและการเติบโตแบบมีนัย ในระยะเวลา 2-3ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมตลาด

สร้างการรับรู้ สร้างตลาดอนาคต

“สิ่งที่น่าดีใจก็คือ การรับรู้ในเรื่องของจักรยาน และการยอมรับของกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้ แต่จะไปหาซื้อมาใช้เลยหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง บางคนอาจจะยอมรับและชื่นชอบในรถจักรยาน แต่ยังไม่พร้อมที่จะใช้งานในขณะนี้ แต่ก็ถือว่ากระแสนี้น่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจจักรยานในอนาคต”

ส่วนของ แอลเอ กรุ๊ป ซึ่งมีสินค้าหลายยี่ห้อ ทั้งสินค้าที่ผลิตในประเทศและสินค้านำเข้า ซึ่งปัจจุบันกลุ่มครองตลาดอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งประมาณ 60%มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย 15-20%ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นการบ่งบอกถึงกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปลายปี 2556ถึงต้นปีนี้ พบว่าตลาดเริ่มสะดุด เนื่องจากปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดในเมืองพบว่ายอดขายหดตัวลงไป 15-20%แต่เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง ตลาดจะกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับภาพรวมตลาดรถจักรยานขณะนี้ พบว่ามีผู้ทำตลาดเป็นจำนวนมาก และมีรายใหม่เข้ามาเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากนับเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ พบว่ามีประมาณ 5-6กลุ่ม

โครงสร้างตลาดปัจจุบันมีตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงตลาดบน โดยตลาดใหญ่สุด คือ ตลาดแมส (MASS) มีราคาจำหน่ายในระดับประมาณ 1,000-30,000บาท กลุ่มนี้มีสัดส่วนการขายประมาณ 60-70%และเป็นกลุ่มที่สินค้ามีความหลากหลายมากที่สุด ทั้งรถพับ รถใช้งานทั่วไป รถบีเอ็มเอ็กซ์ หรือ เสือหมอบ เป็นต้น

ส่วนตลาดบน ระดับราคา 50,000- 200,000บาท ก็ถือว่ามีผู้เล่นเป็นกลุ่มก้อน

“ขณะที่ตลาดที่ราคาสูงกว่านั้นถึงระดับ 600,000บาท ก็มีเช่นกัน แต่ค่อนข้างน้อย เป็นติ่ง เหมือนส่วนยอดสามเหลี่ยม”

คนไทยนิยมจักรยานสหรัฐ-ยุโรป

สำหรับความนิยมในตลาดรถจักรยานไทย ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อจากสหรัฐ และยุโรป โดยรถจากสหรัฐเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจังมากกว่า 10ปี ตามด้วยยุโรป แต่การผลิตส่วนใหญ่จะเป็นการจ้างจากประเทศจีนและไต้หวัน เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยก็ผลิตรถจักรยานเองเช่นกัน ทั้งการรับจ้างผลิต และผลิตยี่ห้อของตัวเอง เพื่อรองรับตลาดทั้งในประเทศและส่งออก โดยตลาดส่งออกหลักคือ ยุโรป ที่นิยมใช้รถจักรยานกันมาก ซึ่งส่วนของ แอลเอ กรุ๊ป ส่งไปยุโรปมากกว่า 95%ในระดับราคาคันละ 120-600ดอลลาร์ หรือประมาณ 3,600-18,000บาท

นอกจากนี้ ยังมีตลาดกลุ่มยี่ห้อรถยนต์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2กลุ่มย่อย คือ กลุ่มที่ผู้ผลิตรถจักรยานซื้อลิขสิทธิ์มาผลิต ซึ่งจะมีระดับราคาเหมือนตลาดทั่วไป กับกลุ่มที่เจ้าของยี่ห้อรถยนต์ผลิตเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่ายยุโรป จะมีจำนวนไม่มาก มียอดขายน้อย และมีราคาสูงในระดับหลายแสนบาท

ตลาดจักรยาน 5พันล้าน

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด และบริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด ผู้จัดงาน บางกอก ไบค์ 2014กล่าวว่า ปัจจุบันรถจักรยานได้รับความสนใจจากทั้งผู้บริโภคและผู้ทำตลาดเพิ่มขึ้น เห็นจากการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3พบว่ามีผู้จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน 200บูธ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา รวมถึงมีผู้ประกอบการจากต่างประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น และ ไต้หวัน เข้าร่วม ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดผลดีในอนาคต คือ เกิดโอกาสทางธุรกิจ ที่มีการเชื่อมโยงการค้าขายหรือลงทุนระหว่างกัน

ขณะที่ความนิยมในตลาดรถจักรยาน พบว่า เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 3ปีที่ผ่านมา สามารถเติบโตจากมูลค่ารวม 3,000ล้านบาทต่อปี เป็น 5,000ล้านบาทในปี 2556โดยตลาดใหญ่คือตลาดแมส ที่มีสัดส่วน 75%ส่วนตลาดระดับบนมีสัดส่วน 25%

สำหรับงานบางกอกไบค์ คาดว่าจะมีชมงาน 120,000คน มีเงินสะพัดในงาน 140ล้านบาท มากกว่างานครั้งที่ 2ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนต.ค. ปีที่แล้ว ที่มีเงินหมุนเวียน 120ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่ามีผู้สนใจซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งรถจักรยานและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และพบว่า รถบางรุ่นสินค้าขาดตลาดตั้งแต่ช่วงต้นงาน เช่น จาวา เอ็กซ์ 1รถพับได้ขนาดเล็ก ราคา 9,500บาท ซึ่งสะดวกต่อการพกพา และเชื่อมต่อการเดินทางกับระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถไฟฟ้า หรือ ขสมก.

จักรยาน-ท่องเที่ยว คู่เสริมธุรกิจ

ด้าน นางวิไลวรรณ ทวิชศรี รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า ปัจจุบันความนิยมในตลาดรถจักรยานที่เพิ่มขึ้น มีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวก็มีส่วนส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวเช่นกัน

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ ททท. พบว่า ปี 2556มีผู้ขี่รถจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว 260,000คน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 500-1,000บาทต่อคนต่อวัน สร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ประมาณ 900ล้านบาท

ซึ่ง ททท. เห็นถึงศักยภาพการท่องเที่ยวโดยรถจักรยาน จึงพยายามจะส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดเส้นทางท่องเที่ยวด้วยรถจักรยานเพิ่มขึ้น เช่น โครงการ “โซฟาร์ โซกรีน” ที่กำหนดเส้นทาง กรีน เวย์ 4เส้นทางใหม่ในขณะนี้ และพยายามประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้คนมาร่วม ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย

ททท. คาดว่า ปีนี้ การท่องเที่ยวด้วยรถจักรยาน จะขยายตัว 20% เป็น 320,000 คน และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 15-20% และยังคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 15% อีกด้วย

source: http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/auto-mobile/auto-moboile

Comments

comments

Check Also

ชมรมฯ ร่วมงาน a day BIKE FEST 2016

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น