Home / บทความ / จักรยานเช่าเมืองไท่หยวน

จักรยานเช่าเมืองไท่หยวน

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2556  ผมได้ไปเยี่ยมเมืองจีนอีกครั้งหนึ่ง  หลังจากที่ได้ไปมาแล้ว 3-4 ครั้งครั้งแรกก็เมื่อ 30 กว่าปีมาแล้ว  ในสมัยที่ประชาชนชาวจีนยังใส่ชุดเหมา(เสื้อคอปิดแขนยาว)  สีน้ำเงินกรมท่าหรือสีเทาเข้มกันเป็นปกติแทบทุกคน

เคยไปยืมจักรยาน(โกดัง)ขนของของชาวบ้านมาขี่เสียด้วย จำได้ว่าได้เอาลูกสาวซึ่งขณะนั้นยังเล็กมากอายุราว 10 ขวบ นั่งซ้อนท้ายไปด้วย และจำได้ด้วยว่าขี่จักรยานยากมาก เหตุผลประการหนึ่งคือรถคันมันใหญ่และสูง เหตุผลอีกประการหนึ่งคือ รถจักรยานเยอะมาก ขี่กันแบบไหล่ชนไหล่  ซึ่งพอจะหยุดผมก็จะมีปัญหามาก เพราะหย่อนตัวลงจากอานมายืนคร่อม ‘ท่อบน’ แบบที่ทำกับเสือภูเขาไม่ได้ เพราะท่อบนของจักรยานโกดังมันสูงมาก มันตีเอาที่อวัยวะสำคัญได้

จักรยานเช่าย่อมหนักกว่าจักรยานเสือภูเขาทั่วไป อาจด้วยเพราะราคาที่ต่ำกว่า

ช่วงเวลาเร่งด่วน ทำให้ไม่มีจักรยานเหลือในช่องจักรยานแม้แต่คันเดียว

เวลาผ่านไปกว่า 30 ปี ประเทศจีนพัฒนาไปไกลและเร็วมาก  ผู้คนร่ำรวยและแต่งตัวทันสมัยมาก และจากการที่มีพื้นฐานเป็นสังคมจักรยานอยู่เดิม  เมื่อชีวิตมีความเร่งรีบเหมือนคนเมืองอื่นๆ ทั่วโลกการที่จะมานั่งซ่อมนั่งดูแลจักรยานก็นับวันจะไม่มีเวลา หรือไม่คุ้มกับเวลาที่ต้องเสียไป โครงการจักรยานให้เช่า  หรือโครงการปันจักรยานกันใช้  แบบที่แปลมาจากภาษาฝรั่งว่า Bike Sharing ซึ่งความจริงแล้วสำหรับผมมันก็คือ โครงการจักรยานเช่าดีๆนี่เอง ก็ได้รับความนิยมและแพร่หลายในหลายเมืองในประเทศจีน

เมืองไท่หยวน  ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และเป็นเมืองหลวงของมณฑลซานสี  ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเมืองใหญ่อื่นๆ คือ เริ่มมีโครงการรถจักรยานให้เช่าแล้ว หลังจากเช็คอินเข้าโรงแรมที่พัก  ผมได้ออกมาสำรวจระบบจักรยานเช่าที่สี่แยกชานเมือง ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 1 ทุ่ม  ไม่รู้ว่าเป็นชั่วโมงเร่งด่วนหรือคนกำลังกลับบ้านหรืออย่างไร เพราะเมื่อผมเดินหาจนเจอสถานีจอดจักรยานให้เช่า ซึ่งได้ลองนับดูพบว่าสถานีนี้  จอดได้ 60 คัน มีตู้เติมเงินอยู่ตรงกลาง มีที่จอดออกไปข้างละ 30 คัน

แต่ไม่มีจักรยานจอดอยู่เลย  ก็ให้สงสัยเป็นกำลังว่า  แล้วจะบริการคนเมืองนั้นได้อย่างไร ถ้าไม่มีหรือมีจักรยานไม่พอ

 

ตู้สำหรับเติมเงินใช้บริการเช่าจักรยานสาธารณะ

ยืนอยู่ไม่นานนัก  ก็ได้คำตอบ

มีคนเอาจักรยานมาคืน  โดยเอาด้านหน้าจักรยานเสียบเข้าไปในตู้หรือช่องรับจักรยาน ซึ่งพอเสียบไปจนสุดก็จะมีเสียงดังคลิก  แล้วจักรยานก็ถูกล็อก  จากนั้นคนที่เช่าจักรยานไปก็เอาบัตร(สงสัยจะเป็นบัตรสมาชิก ไม่ใช่บัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มปกติ…ที่ไม่รู้แน่ เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง) มาแตะที่แป้นที่ช่องหรือตู้รับจักรยานนั้น  เครื่องก็จะบันทึกว่าเอารถมาคืนตอนเวลาเท่าใด และคำนวณออกมาว่าใช้เวลาจากที่เอารถจักรยานออกไปใช้ (จะเอาจากสถานีไหนก็ได้ ซึ่งมีอยู่กระจายไปตามจุดต่างๆในเมือง) นานเท่าใด แล้วก็คำนวณตัดเงินออกไปจากบัตร

วิธีการล็อกจักรยานที่ตู้สถานีฯ และกุญแจและสายกุญแจกันขโมยสำหรับกรณีไปจอดที่อื่นที่ไม่ใช่ช่องเสียบ

จักรยานของสถานีจอด

ที่ว่าได้คำตอบก็คือ  คนที่เอารถมาจอดยังไม่ทันจะเอาของออกจากตะกร้าที่ติดอยู่ด้านหน้าจักรยานได้เรียบร้อย ก็มีคนมา‘แย่ง’ต่อคิวเอาจักรยานคันนั้นไปใช้ต่อเลย นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่เห็นจักรยานจอดรอให้บริการที่จุดจอดที่สถานี เพราะโครงการจักรยานเช่านี้ฮิตมากในชั่วโมงเร่งด่วน ขนาดต้องยืนรอแย่งกันเอารถไปใช้ทีเดียว

สิ่งที่ผมเคยสังเกตมาทั้งจากยุโรปและจีนคือ  ถ้าจะให้ระบบจักรยานเช่านี้ใช้งานได้จริง  ระบบนี้จะต้องไม่ไปรบกวนชีวิตของคนอื่นในสังคม  นั่นคือ  ไม่ทำให้เขาต้องเดือดร้อนไปกับเรา ซึ่งจะทำได้ก็โดยต้องมีทางเท้าที่กว้างมากพอ อาจจะ 5 – 6 เมตร เพื่อจะได้มีที่ติดตั้งช่องจอด และบริเวณพื้นที่สำหรับหมุนจักรยานออกจากช่องโดยไม่ไปชนคนเดินเท้าและต้องมีพื้นที่อีกส่วนหนึ่งสำหรับส่งตัวพุ่งไปข้างหน้าก่อนที่จะเริ่มถีบจักรยานออกสู่ถนนหรือทางจักรยานในละแวกนั้นต่อไป

คนต่อแถวยืนรอใช้รถจักรยาน

เห็น กทม. ได้เริ่มโครงการจักรยานปัน – ปั่นแล้ว และก็เห็นมีคนวิพากษ์วิจารณ์ข้อดีข้อด้อยของโครงการนี้แล้ว จึงอยากเอาเรื่องนี้มา ‘ปัน’ กันอ่าน เผื่อบางคนจะได้ไอเดียไปแก้ไขจุดบกพร่องของระบบที่มีอยู่นี้ของเรา ซึ่งเมื่อแก้ได้ (ภาวนาให้แก้ได้) อีกหน่อยเราก็จะมีระบบเช่าจักรยานหรือปั่นจักรยานกันใช้ดีๆแบบเมืองนอกเขาบ้าง

ธงชัย  พรรณสวัสดิ์

พฤษภาคม 2556

Comments

comments

Check Also

ไฟติดล้อจักรยาน เพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสนุก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น