Home / Article / ขึ้นปีใหม่แล้ว ขอเชิญอีกครั้ง มาขี่จักรยานไปทำงานกันเถอะครับ

ขึ้นปีใหม่แล้ว ขอเชิญอีกครั้ง มาขี่จักรยานไปทำงานกันเถอะครับ

บ้านเราในระยะหลังนี้ การขี่จักรยานเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะในหมู่คนที่มีกำลังทรัพย์พอจะซื้อจักรยานราคาเป็นหลักหมื่นขึ้น  มีการจัดขี่จักรยานเพื่อออกกำลังกายและท่องเที่ยวกันทุกสุดสัปดาห์แทบทุกจังหวัดทั่วประเทศ   การจัดแข่งจักรยานต่างๆ ก็มีถี่มากจนคนที่ขยันลงแข่งและมีความสามารถสักหน่อยสามารถกวาดถ้วยมาสะสมใส่ตู้โชว์ได้ไม่ยาก  อีกทั้งยังมีการใช้จักรยานเป็นส่วนหนึ่งของการทำกิจกรรมเพื่อสังคมหรือเพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นประจำเช่นกัน 

แต่การใช้จักรยานเป็นพาหนะในการเดินทางไปทำกิจการต่างๆ ในชีวิตประจำวันของคนกลุ่มนี้แม้จะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของการใช้จักรยานทั้งหมดแล้วก็ยังน้อยมาก

สถาบันการเดินและการจักรยานไทยกับชมรมจักรยานจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย จึงขอชวนเชิญอีกครั้งให้เพื่อนผู้ใช้จักรยานออกกำลังกาย ท่องเที่ยว หรือแข่งขัน มาขี่จักรยานไปทำงานด้วย โดยเฉพาะคนที่บ้านไม่ห่างจากที่ทำงานมากนัก  เบื้องต้นก็อาจเอาระยะทาง 5 กิโล เป็นเกณฑ์

643811087aa5c32d89d63b86b7c2115f eac705d6d23db04864b148fbfe89005b

ภาพประกอบจาก https://www.pinterest.com/pin/

เริ่มเสียแต่วันนี้เลยครับ และนี่คือเหตุผล(อีกครั้ง)ว่า ทำไมคุณน่าจะขี่จักรยานไปทำงาน

  1. ขี่จักรยานไปทำงานถูกกว่าขับรถยนต์ส่วนตัวไปเป็นอย่างยิ่ง

สมาคมยานยนต์อเมริกาให้ตัวเลขว่า ในปี 2555 ค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของ ดูแล และใช้รถยนต์คันหนึ่งตกอยู่ที่ 8,946 ดอลลาร์ ขณะค่าใช้จ่ายสำหรับการใช้จักรยานตกราว 308 ดอลลาร์ ถูกกว่าเกือบ 30 เท่า  องค์กรสิ่งแวดล้อมชื่อ Sierra Club ให้ข้อมูลว่า หากชาวอเมริกันเดินทางด้วยจักรยานแทนรถยนต์เป็นระยะทางแค่ 6.5 กิโลเมตร เพียงสัปดาห์ละครั้งเดียว ไม่ต้องทุกวันก็ได้ ประเทศสหรัฐอเมริกาจะประหยัดการใช้น้ำมันไปได้รวมราว 8,000 ล้านลิตร หากคิดว่าน้ำมันราคาราวลิตรละ 90 เซนต์ ก็จะประหยัดเงินไปได้ถึง 7,300 ล้านดอลลาร์ต่อปี  สำหรับในไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติให้ตัวเลขในปี 2554 ว่า ประชาชนไทยที่เดินหรือใช้จักรยานแทนการใช้รถยนต์แค่สัปดาห์ละ 1 วัน จะประหยัดค่าน้ำมันได้เฉลี่ย 5,200 บาทต่อคันต่อปี โดยคิดจากการจ่ายค่าน้ำมัน 100 บาทต่อวันต่อคัน  ดังนั้นหากขี่จักรยานไปทำงานแทนรถยนต์ทุกวันทำงานก็จะประหยัดได้เพิ่มอีกเป็นอย่างน้อย 5 เท่าหรือกว่า 25,000 บาทต่อปี คุณเอาเงินก้อนใหญ่นี้ไปทำอะไรที่คุณอยากทำได้มากมาย

 

  1. เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

ประสบการณ์ที่คนขี่จักรยานเป็นประจำวันทุกคนได้คือ การที่น้ำหนักลดลง มากน้อยแล้วแต่คน  สำหรับคนอเมริกันมีการศึกษาพบว่า ผู้ที่ใช้จักรยานในการเดินทางไปทำงานรายวันแค่ในปีแรกก็มีน้ำหนักลดไป 6 กิโลกรัมแล้ว  คุณหมอลิซา แคลลาแฮน แห่งโรงพยาบาลเพื่อการผ่าตัดพิเศษในนครนิวยอร์กบอกว่า การขี่จักรยานเดินทางเป็นประจำให้ผลดีกับหัวใจอย่างยิ่ง เธอบอกว่า คนส่วนมากที่น้ำหนักเกินและเริ่มออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักจะคิดถึงการวิ่ง  แต่สำหรับคนน้ำหนักเกินแล้ว การวิ่งอาจส่งผลเสียต่อหัวเข่าและข้อเท้าได้  ดังนั้นการออกกำลังกายที่ไม่ก่อให้เกิดแรงกระแทกกับข้ออย่างการว่ายน้ำและขี่จักรยานจึงเหมาะสมกว่า  ตรงนี้ผู้เขียนขอนำคำแนะนำของข้อมูลองค์การอนามัยโลกมาย้ำอีกครั้งว่า การเดิน ว่ายน้ำ และขี่จักรยาน เป็นการออกกำลังสามอย่างที่ดีที่สุด โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ

 

  1. ไม่ต้องเผชิญกับรถติด เช้า เย็น อีกต่อไป

ตัวเลขจากการทำสำมโนประชากรล่าสุดบ่งบอกว่า ชาวอเมริกาใช้เวลาขับรถไปทำงานเฉลี่ยทั้งประเทศวันละ 25 นาที แต่ถ้าเป็นเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กก็จะมากกว่าสองเท่า  ครึ่งหนึ่งของประชาชนชาวอเมริกันเดินทางไปทำงานเพียง 8 กิโลเมตรหรือน้อยกว่า ซึ่งถ้าขี่จักรยานไปส่วนใหญ่ที่สุดจะใช้เวลาน้อยกว่าขับรถไป   ส่วนของไทยเราอย่างที่รู้ๆกันว่าหนักกว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติให้ตัวเลขค่าเฉลี่ยเวลาที่ใช้ในการเดินทางของคนทั้งประเทศและในกรุงเทพฯในปี 2552 อยู่ที่ 1.3 และ 1.7 ชั่วโมงต่อวันตามลำดับ นี่รวมการเดินทางทุกวิธี ถ้าแยกเฉพาะรถยนต์ออกมาจะพบว่าผู้ขับรถยนต์จะใช้เวลามากกว่านี้ ยิ่งถ้าเป็นตัวเลขในปัจจุบันและในกรุงเทพฯ ที่ครองเจ้าความเป็นเมืองที่รถติดมากที่สุดในโลก  คนใช้จักรยานจะบอกตรงกันว่าการใช้จักรยานเป็นวิธีเดินทางที่เร็วที่สุด โดยเฉพาะในเมืองที่รถติดมาก ใช้จักรยานประหยัดเวลาเดินทางไปได้มากมาย

 

  1. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพไปได้มหาศาล

ประโยชน์ของการใช้จักรยานเดินทางเมื่อคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจและทางสังคมแล้ว ที่สำคัญที่สุดออกมาในแง่การดูแลสุขภาพ  ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารกิจกรรมทางกายและสุขภาพในสหรัฐอเมริกาชี้ว่า ในช่วงสามสิบปีข้างหน้า ประชากรชาวเมืองพอร์ตแลนด์ของสหรัฐฯ จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพไปได้ถึง 594 ล้านดอลลาร์ด้วยการลงทุน 143 ล้านดอลลาร์สร้าง “วัฒนธรรมในการใช้จักรยาน” และอีก 218 ล้านดอลลาร์ในการรณรงค์ให้ประหยัดน้ำมัน

 

  1. ใช้จักรยานดีกับเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

บัญชีจักรยาน (Bicycle Account) ปี 2012 ของนครโคเปนเฮเกน แสดงตัวเลขว่า การใช้จักรยานในชีวิตประจำวันของชาวเมืองช่วยนครแห่งนี้ประหยัดเงินทั้งในระดับเศรษฐกิจมหภาคและระดับจุลภาค คิดออกมาได้เป็น 0.26 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 10 บาทต่อระยะทาง 1 กิโลเมตรที่ใช้จักรยานในการเดินทาง ในส่วนที่เป็นค่าใช้จ่ายในการคมนาคมขนส่ง การรักษาความปลอดภัย การส่งเสริมการท่องเที่ยว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจราจร และการดูแลสุขภาพ   นอกจากนั้นการใช้จักรยานเป็นวิธีการเดินทางไปทำงานยังสามารถลดความสูญเสียของภาคธุรกิจ ไปได้อีกหลายล้าน  TNO มันสมอง(think tank)ทางด้านเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ ศึกษาพบว่าคนที่ขี่จักรยานไปทำงานป่วยจนต้องลาพักงานน้อยกว่าคนที่เดินทางด้วยวิธีอื่น  ส่วนในเดนมาร์กก็มีตัวเลขว่า การที่คนเพียงแค่ร้อยละ 1 ขี่จักรยานไปทำงานก็จะช่วยนายจ้างลดค่าใช้จ่ายในด้านการสูญเสียผลิตภาพ(productivity)อันเนื่องจากลูกจ้างหยุดงานได้ถึง 34 ล้านดอลลาร์  ความจริงคือชาวเดนส์ขี่จักรยานไปทำงานมากกว่าร้อยละ 20 นะครับ

 

  1. ยิ่งเราใช้จักรยานกันมากๆ ถนนก็จะปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทุกคนมากขึ้นตามไปด้ว

ในประเด็นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างการใช้รถยนต์กับการใช้จักรยานเลยนะครับ  การศึกษาในประเทศต่างๆ ได้ผลออกมาตรงกันว่า ยิ่งคนใช้จักรยานเป็นวิธีเดินทางบนท้องถนนทั่วไปมากเท่าใด ผู้ใช้จักรยานก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น  ดร.จูลี แฮทฟิลด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบาดเจ็บจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ฟันธงเลยครับว่า ความเสี่ยงที่คนใช้จักรยานจะถูกรถชนลดลงเป็นสัดส่วนกับอัตราการเพิ่มของการใช้จักรยานตามถนน  และเมื่อคนทั่วไปรู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นที่จะขี่จักรยานตามถนนทั่วไป คนก็จะออกมาใช้จักรยานกันมากขึ้น เป็นวงจรที่ส่งผลต่อเนื่องกันไป

 

  1. คุณมีแนวโน้มจะป่วยมากกว่าเมื่อใช้รถยนต์และรถประจำทางในการเดินทางไปทำงานเมื่อเทียบกับขี่จักรยาน

ใครๆก็รู้ว่า อากาศที่สะอาดให้ผลดีกับร่างกายของคนเรามากกว่าอากาศที่มีมลพิษ และไอเสียจากยานยนต์บนถนนมีผลร้ายกับปอดของมนุษย์ทุกคน จริงๆ แล้ว คนที่ใช้รถเดินทางจะได้รับผลจากมลพิษทางอากาศนี้มากกว่าคนที่ใช้จักรยาน  การศึกษาหลายชิ้นพบตรงกันว่าคุณจะได้รับมลพิษเหล่านี้มากกว่าเมื่อคุณอยู่ในรถยนต์ เพราะอากาศในรถจะเข้ามาโดยตรงและใกล้กว่าจากปากท่อไอเสียของยานยนต์ที่อยู่ด้านหน้า  คนที่ใช้รถประจำทางจะได้รับน้อยลงมาเพราะอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นมามากกว่า  การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ของมหาวิทยาลัยน็อตติ้งแฮมที่มีรายงานในหนังสือพิมพ์ New York Daily News พบว่า ผู้ที่ใช้รถประจำทางมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอากาศ(อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ)มากกว่าคนที่ใช้จักรยานในการเดินทางไปไหนมาไหนถึง 6 เท่า  การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งที่มีรายงานใน safetyissues.com ให้หลักฐานในเรื่องนี้โดยพบว่า มีเชื้อไวรัสที่ก่อโรคในร่างกายมนุษย์หลายอย่างในรถประจำทาง เช่น E. coli, Salmonella และ campylobacter ส่วนคนที่ขี่จักรยานและคนเดินเท้าได้รับก๊าซพิษเข้าไปน้อยกว่า เพราะไม่ได้อยู่ตรงกับท่อไอเสีย แต่อยู่มาทางด้านข้างถนน นอกจากไม่ตรงกับแหล่งก๊าซพิษแล้ว ยังอาจมีลมมาช่วยพัดเอามลพิษไปหรือลดความเข้มข้นลงด้วย จึงไม่น่าแปลกว่าได้รับผลน้อยกว่า มีความเสี่ยงน้อยกว่า

 

  1. ไม่ต้องกังวลเรื่องหาที่จอดรถอีกต่อไป

ในสถานที่ที่มีคนไปใช้มากๆ การหาที่จอดรถอาจเป็นฝันร้ายได้  ในทางตรงข้าม แม้ปัจจุบันสถานที่หลายแห่งจะยังไม่จัดที่จอดจักรยานให้เป็นการเฉพาะก็ตาม การหาที่จอดให้จักรยานทำได้ง่ายกว่าเนื่องจากการมีขนาดเล็ก  ในขณะที่กระแสการใช้จักรยานที่สูงขึ้นทำให้หลายแห่งเริ่มจัดที่จอดจักรยานให้เป็นสัดเป็นส่วนและปลอดภัยมากขึ้น  ในไม่ช้านี้ก็มีแนวโน้มว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายควบคุมอาคารของไทย กำหนดให้อาคารต่างๆ โดยเฉพาะอาคารสาธารณะ ต้องจัดที่จอดจักรยานให้ด้วย

 

  1. และหากคุณเป็นผู้หญิง การใช้จักรยานช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรงขึ้น

สำหรับคุณผู้หญิง เมื่ออายุมากขึ้น โรคกระดูกพรุนจะทำให้กระดูกของคุณเสื่อมลง(มากกว่ากระดูกของคุณผู้ชาย) คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสวีเดนพบว่า หญิงวัยกลางคนมีความเสี่ยงที่กระดูกข้อมือจะแตกหักน้อยหากใช้จักรยานเป็นวิธีเดินทาง หรือมีกิจกรรมทางกายอื่นในชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน

 

  1. สุดท้าย (แต่ไม่ท้ายสุดเพราะมีได้อีก) ในบางเมือง คุณไม่ต้องลงทุนซื้อจักรยานมาไว้เป็นของตัวเองด้วยซ้ำไป

เมืองต่างๆในโลกมากขึ้นทุกทีมี “จักรยานสาธารณะ” คือมีจักรยานไว้ตามจุดต่างๆ ให้คุณเอาไปใช้ได้อย่างสะดวกสบายในราคาย่อมเยาและมักใช้ได้โดยไม่คิดเงินในช่วงแรกสั้นๆ 15 หรือ 30 นาทีด้วย  ค่าเช่านี้คิดตามเวลาและที่เมืองไหนก็ถูกกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่น รวมทั้งการใช้รถไฟฟ้า (แน่นอนว่ายกเว้นการเดิน)  ในไทยเราเท่าที่ทราบ ขณะนี้มีบริการนี้ในกรุงเทพฯ  พิษณุโลก อุดรธานี เชียงใหม่ แม้จะยังไม่ครอบคลุมกว้างขวางทั้งเมือง คนที่อยู่ไม่ไกลที่ตั้งสถานีจักรยานสาธารณะเหล่านี้ก็สามารถใช้ได้สบาย

 

————————–

กวิน ชุติมา  กรรมการ-เหรัญญิกมูลนิธิสถาบันการเดินและการจักรยานไทย  กรรมการชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย (ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจาก businessinsider.com)

Comments

comments

Check Also

ระดมผู้เชี่ยวชาญช่วยเสริมพลังเมืองที่อยากเป็นมิตรกับการเดินและจักรยาน