Home / บทความ / วันปลอดรถที่ปารีส ผู้บริหารกรุงเทพฯ จะเอาอย่างบ้างไหม

วันปลอดรถที่ปารีส ผู้บริหารกรุงเทพฯ จะเอาอย่างบ้างไหม

วันปลอดรถที่ปารีส ผู้บริหารกรุงเทพฯ จะเอาอย่างบ้างไหม

คนเดิน-ขี่จักรยานเต็มถนนชองเซลีเซ ในวันปลอดรถปารีส  มองเห็นประตูชัย เด่นอยู่เบื้องหลัง(Credit: Wired.com)

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะครับ กรุงปารีส นครหลวงของฝรั่งเศส เพิ่งจัดงาน “วันปลอดรถ” หรือ Car Free Day เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2558 นี่เอง  แม้จะจัดไม่ตรง Car Free Day จริงๆ คือวันที่ 22กันยายน คือมาจัดเอาในวันอาทิตย์ใกล้ๆ คล้ายกับที่ กทม.จัดงานนี้ในกรุงเทพมหานครก็ตาม 

แต่สิ่งที่ Anne Hidalgo นายกเทศมนตรีกรุงปารีสทำนั้นต่างไปจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทั้งในด้านแนวคิดและการปฏิบัติ เธอประกาศความตั้งใจว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเมืองนี้ลง ทั้งนี้เนื่องจากรถยนต์ส่วนใหญ่ในนครแห่งนี้ใช้น้ำมันดีเซล แผนของเธอคือจะให้เลิกการใช้น้ำมันดีเซลอย่างสิ้นเชิงในอีกห้าปีข้างหน้าคือปี 2020   ดังนั้นก็ต้องชวนชาวเมืองให้มาเดินทางด้วยวิธีอื่นแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งก็ต้องแสดงให้เห็นว่า ชาวเมืองปารีสไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว ใช้วิธีอื่นก็เดินทางไปไหนมาไหนใน “นครแห่งแสง” นี้ได้ และทำเช่นนั้นได้อย่างมีความสุขด้วย สิ่งที่เธอทำคือห้ามรถยนต์เข้ามาในพื้นที่หลักใจกลางเมือง (ดูแผนที่) ระหว่าง 11.00 น. ถึง 18.00 น.  

ย่านใจกลางมหานครปารีสในวันปลอดรถ ช่วงเวลา 11.00-18.00 น. ในกรอบสีเหลืองคือพื้นที่ห้ามรถส่วนตัวเข้า และในกรอบสีน้ำเงินคือพื้นที่ที่ขอกันแรงๆว่าอย่าเอารถเข้าไปเลย

จะเห็นว่า พื้นที่นี้ล้อมจุดสำคัญกลางกรุงปารีสไว้หมด ได้แก่ Arc de Triomphe (ประตูชัย), Eiffel Tower (หอไอเฟล), Notre-Dame Cathedral (มหาวิหารนอตเตรอดาม) และ Sacre-Coeur (วิหาร ”หัวใจศักดิ์สิทธิ์” ย่านมองมาร์ต)  ส่วน Bois de Boulogne กับ Bois de Vincennes เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางปารีส  สีฟ้าคือแม่น้ำแซน ที่ไหลผ่ากลางเมือง

ผลที่เกิดขึ้นคือ ถนนหลายสาย รวมทั้งถนนที่มีชื่อเสียงเราเคยเห็นในภาพยนตร์หลายเรื่องอย่างชองเซลีเซ (ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบกับกรุงเทพฯ ก็ต้องเป็นถนนราชดำเนิน) ที่เคยอัดแน่นไปด้วยรถส่วนบุคคลกลายเป็นถนนที่ว่างเปล่า ให้คนเดินทางด้วยการเดิน ขี่จักรยาน หรือใช้โรลเลอร์เบลด ได้อย่างสบาย  แต่ชาวปารีสไม่เพียงแต่ใช้โอกาสนี้เดินทางอย่างสบาย ไร้(มลพิษทาง)เสียง และไร้มลพิษทางอากาศเท่านั้น แต่ยังเอาถนนคืนมาเป็นพื้นที่สาธารณะให้ทุกคนได้ใช้เต็มที่ มีคนทำสนามเล่นฟุตบอล คนหลายร้อยออกมาเล่นโยคะ  อกกำลัง ทำกิจกรรมทางสังคม มีกระทั่งคนที่ออกมาปูผ้าปิกนิกกัน คล้ายกับภาพที่เราเห็นจากกิจกรรม Ciclovia ที่เมืองโบโกตา ประเทศโคลอมเบีย ซึ่งที่นั่นเขาทำกันทุกวันอาทิตย์ทั้งปี! 

ตัวอย่างภาพที่ชาวปารีสเอามาแบ่งปันกันบนสื่อสังคม – เล่นฟุตบอลกันกลางถนนชองเซลีเซ  เขาว่าเหมือนจัดงานคาร์นิวัลเลย (Credit: The Guardian)

ปรากฏการณ์ใหม่ในปารีสครั้งนี้มีคนถ่ายภาพเอาไปแสดง-แบ่งปันกันทางสื่อสังคมมากมาย  และสิ่งที่นายกเทศมนตรีหญิงตั้งความหวังก็เริ่มปรากฏเป็นจริง เมื่อการจราจรของทั้งเมืองลดลงร้อยละ 42 ในขณะที่การปล่อยคาร์บอนลดลงร้อยละ 20-40 ในย่านกลางเมือง  Elisabeth Pagnec ชาวปารีสคนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนตึกสูงทางตะวันออกของเมือง เขียนเล่าให้ฟังว่า เมื่อเธอมองออกไปจากหน้าต่างห้องในวันนั้น เธอก็เห็นความแตกต่างได้ทันที เธอบอกว่าไม่เคยเห็นท้องฟ้าเหนือปารีสเป็นสีฟ้าเช่นนี้มาก่อน ที่ผ่านมาจะมีท้องฟ้าจะหม่นมัวด้วยมลพิษที่ลอยอยู่ในอากาศเหนือเมือง (นี่เป็นสภาพทั่วไปของเมืองใหญ่ทั่วโลกที่มีการใช้รถยนต์ส่วนตัวจำนวนมาก บางเมืองจะเห็นมลพิษเป็นแถบสีเทาลอยอยู่เหนือเมืองอย่างชัดเจน ล่าสุดที่ผมได้เห็นสภาพแบบนี้ด้วยตนเองคือจากตึกใบหยก 2 ในกรุงเทพฯ และจาก Skytree ที่กรุงโตเกียวกับหอนาโงยะที่นครนาโงยะของญี่ปุ่น – ผู้เขียน)  คุณเอลิซาเบธเธอดีใจออกไปขี่จักรยานข้ามเมืองร่วมไปกับชาวปารีสอื่นด้วยอย่างสบายใจไม่ต้องใส่หมวกนิรภัยเลย

ไม่แปลกใจเลยที่มีรายงานด้วยว่า Velib ระบบจักรยานสาธารณะอันมีชื่อเสียงของปารีส ทำสถิติใหม่ มีคนเอาออกไปใช้ 144,089 ครั้งในวันเดียว เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32 จากยอดการใช้ในวันสุดสัปดาห์ธรรมดาๆ  และเมื่อรวมกับข้อความและภาพที่ส่งแบ่งปันกันไปมามากมาย ก็ดูเหมือนว่าชาวปารีสจะตกหลุมรักการจัดงานวันปลอดรถแบบนี้แล้ว  เมื่อชาวปารีสติดใจ เป้าหมายที่ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและเลิกการใช้น้ำมันดีเซลในอีกห้าปีข้างหน้าก็จะเป็นจริงขึ้นมาได้

นายกเทศมนตรีหญิงแห่งปารีสดูความสำเร็จจากการริเริ่มของเธอครั้งนี้ด้วยความพอใจ เธอมีแผนแล้วว่าครั้งต่อไปจะขยาย “พื้นที่ปลอดรถ” ออกไปให้มากขึ้น โดยเฉพาะตามริมแม่น้ำแซน 

ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรครับ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและพ่อเมืองต่างๆ ในไทยจะมีวิสัยทัศน์ เป้าหมาย และการปฏิบัติที่มีพลังชัดเจนอย่างนี้บ้างได้ไหม ที่สำคัญจะมีคือความกล้าหาญและความมุ่งมั่นทางการเมืองที่จะทำอย่างนายกฯหญิงแห่งปารีสหรือไม่  ก็ได้แต่หวังว่า “วันปลอดรถ” ในไทยปีหน้าและปีต่อๆไปจะให้อะไรที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน เป็นมรรคผลดีต่อเมืองและผู้อยู่อาศัย มากกว่าการทำอะไรอึดๆอัดๆ ปิดถนนสายเล็กๆสั้นๆแค่สายสองสาย แจกเสื้อให้นักจักรยานมาขี่กันแล้วจบ ไปพบกันใหม่ปีหน้า

ปีหน้า ปิดเกาะรัตนโกสินทร์ทั้งเกาะเป็นการเริ่มต้น ดีไหมครับ

——————————————————————————————————————————————————————————————

เรียบเรียงจากข้อมูลในข่าว Paris’ Car-Free Day Was A Massive Success! เขียนโดย  Amanda Froelich เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 เผยแพร่โดย http://www.trueactivist.com โดยกวิน ชุติมา กรรมการชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย

Comments

comments

Check Also

ไฟติดล้อจักรยาน เพิ่มทั้งความปลอดภัยและความสนุก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น